เหตุเกิดเมื่อกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ที่ปราบปราม นางเรวดี หาแก้ว อายุ 51 ปี ชาวจ.พิจิตร และนางวิไลพร รัตนะติสร้อย อายุ 51 ปี เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.อรรถพล อินทะนิน รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางสุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนสนิทที่ยักยอกเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 5 ใบ รวมเป็นเงิน 30 ล้านบาทไป
นางเรวดี กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะนั้นตนและนางสุดารัตน์ยังคบหาเป็นเพื่อนสนิทกัน ได้ร่วมเดินทางไปทำบุญที่วัดลาดบัวขาว (ราชโยธา) แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. หลังจากทำบุญเสร็จแล้ว ตนก็ชักชวนนางสุดารัตน์ให้ร่วมกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประวันที่ 1 เม.ย. 59 แบบชุดจำนวน 5 ใบราคา 500 บาทจากแม่ค้าที่นำสลากมาขายในวัด ส่วนนางวิไลพรไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่ก็ชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อด้วย เพราะพวกตนทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน
นางเรวดีกล่าวต่ออีกว่า ตนเองนั้นเป็นคนเลือกตัวเลขและก็จ่ายเงินไปก่อนด้วย เสร็จแล้วทั้งตนและนางสุดารัตน์ก็แบ่งสลากฯไปกันคนละ 2 ใบ ส่วนนางวิไลพรได้ไปเพียง 1 ใบ แต่สลากฯที่ซื้อมาทั้ง 5 ใบ นางสุดารัตน์เป็นผู้ขอเก็บไว้เอง ตนจึงขอเซ็นชื่อระบุกำกับไว้บนฉลากทั้ง 2 ใบ กระทั่งวันที่ 4 เม.ย. จึงมาทราบในภายหลังว่าสลากฯที่ซื้อมานั้นทั้ง 5 ใบนั้นถูกรางวัลที่ 1 รวมเป็นเงินมูลค่า 30 ล้านบาท จึงได้รีบทวงถามไปยังนางสุดารัตน์ ปรากฏว่ากลับถูกปฏิเสธว่าไม่ถูกรางวัล จากนั้นนางสุดารัตน์ก็ขาดหายการติดต่อไปในที่สุด กระทั่งในวันที่ 15 เม.ย.ตนจึงเข้าแจ้งความไว้ที่สน.ประเวศ แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควร
นางเรวดีเปิดเผยต่ออีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ยังพบด้วยว่านางสุดารัตน์ได้ว่าจ้างบุคคลอื่นเพื่อให้นำสลากฯที่ถูกไปขึ้นเงินรางวัลกับสำนักงานฉลากกินแบ่งรัฐบาล จ.นนทบุรี โดยทยอยไปขึ้นทีละใบ เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเอาผิดแก่นางสุดารัตน์ได้ จึงต้องเดินทางเข้ามาร้องเรียนที่กองปราบฯเพื่อให้ดำเนินการให้เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนของสน.ประเวศ ได้ออกหมายเรียกนางสุดารัตน์ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่เห็นมีการออกหมายจับแต่อย่างใด นอกจากนี้หลังจากเข้าแจ้งความแล้วพวกตนก็จะเดินทางไปที่สำนักงานฉลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อขอให้ตรวจสอบฉลากกินแบ่งฉบับที่ถูกรางวัลดังกล่าวว่ามีข้อพิรุธอย่างใดหรือไม่
เบื้องต้น พ.ต.ท.อรรถพลได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน แต่เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้ทางสน.ประเวศ ก็ได้ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว จึงช่วยประสานไปยังร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อช่วยเร่งรัดต่อไป
ที่มา : http://www.siamdrama.com/view-729.html